ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 10 รถแบบสปอร์ตพรีเมียมซีดานของค่ายฮอนด้า ออโตโมบิล ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในบ้านเราเมื่อช่วงปลายปี 2019 ล่าสุดทางฮอนด้า ออโตโมบิล ได้ทำการปรับปรุงแอคคอร์ด รุ่นปี 2021 โดยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งระบบขับเคลื่อนจากขุมพลังเทอร์โบและฟูลไฮบริด และติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีกทั้งเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครันครอบคลุมทุกรุ่นย่อย สำหรับในปัจจุบันฮอนด้า แอคคอร์ดมีขายอยู่ทั้งหมด 3 รุ่น คือรุ่นอีแอล ค่าตัว 1.499 ล้านบาท รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1.639 ล้านบาท และรุ่น e:HEV TECH ราคา 1.799 ล้านบาท ซึ่งเป็นรถฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นที่ทาง เดลินิวส์ ยืมมาลองขับในอาทิตย์นี้
สำหรับการออกแบบรูปทรงจะเห็นได้ว่ากระจังหน้าและกันชนมีลักษณะที่ตัดลงตรง ๆ และตัวฝากระโปรงหน้ามีขนาดที่ยาวรับช่วงหลังคาเตี้ยและเสาหลังที่ลาดต่ำลงไปจดฝาท้าย ทำให้มีทรวดทรงดูปราดเปรียวคล้าย ๆ กับรถสปอร์ตสไตล์อเมริกันที่เรียกว่า “มัสเซิล คาร์” (Muscle car) ส่วนการเปลี่ยนสำหรับรุ่นที่ใช้ขุมพลังแบบฟูลไฮบริดที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือโลโก้ H Mark ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้ากับติดสัญลักษณ์ e:HEV ที่โลโก้ท้ายรถสื่อถึงเอกลักษณ์ยนตรกรรมไฮบริด
สำหรับชุดไฟฟ้าหน้าฟูลแอลอีดีที่มีระบบเปิด-ปิดไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบแอลอีดี ล้อใช้ลายเดิมขนาด 18 นิ้ว ใส่กับยางขนาด 235/45R18 ประตูคู่หน้าเปิด-ปิดล็อกด้วยระบบคีย์เลส พร้อมระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อรีโมตกุญแจอยู่ห่างจากตัวรถ หลังคาติดตั้งซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่ตัวฝาท้ายในรุ่น e:HEV TECH มีสปอยเลอร์ทรงหางเป็ดติดมาให้ด้วย การเปิดฝาท้ายทำได้ทั้งจากสวิตช์ไฟฟ้าบริเวณไฟส่องป้ายทะเบียนกับที่แผงข้างประตูด้านผู้ขับและรีโมต นอกจากนี้รีโมตยังใช้สั่งเปิดระบบปรับอากาศได้จากระยะไกลอีกด้วย
การออกแบบภายในห้องโดยสารในส่วนตัวคอนโซลหน้ายังคงใช้สีดำเป็นพื้นตัดกับคิ้วโครเมียมแบบด้าน และเพิ่มความหรูหราด้วยลายไม้สีน้ำตาลเข้มเช่นเดิม สำหรับมุมมองจากตำแหน่งคนขับจะเห็นได้ว่าตัวเสาเก๋งคู่หน้ามีขนาดที่บางลง ช่วยให้มีทัศนวิสัยด้านหน้าที่ชัดเจนขึ้น ส่วนเสาเก๋งคู่หลังที่ลาดต่ำนั้นแม้ให้มุมมองด้านหลังซ้ายไม่ดีนัก แต่ด้วยระบบแสดงภาพมุมอับสายตาและกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ก็ทำให้ปัญหาเรื่องนี้หมดไป การจัดวางตำแหน่งของปุ่มควบคุมระบบต่าง ๆ ที่คอนโซลหน้าอยู่ในระยะที่ใช้งานง่าย ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่งมีมาให้เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มขึ้นคือระบบฟอกอากาศแบบพลาสม่าคลัสเตอร์ กับกระจกหน้าต่างคู่หลังที่เป็นแบบเลื่อนขึ้นลงอัตโนมัติ
ส่วนสีของเบาะนั่งและแผงประตูมี 2 แบบ คือสีดำในรุ่นตัวถังสีเงินและสีน้ำตาลในรุ่นตัวถังสีดำ, ขาวและเทา เบาะนั่งและแผงข้างประตูบุด้วยหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์รูปทรงของคู่หน้ามีขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกกระชับตัวและนั่งสบายท่านั่งปรับเฉพาะด้านคนขับทำได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง และระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่่ 2 รูปแบบ พร้อมเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ ส่วนด้านผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง คือปรับสูงต่ำไม่ได้และอยู่ในตำแหน่งที่เตี้ยมากจนน่าอึดอัด
สำหรับพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังโดยรวมกว้างขวางขึ้นด้วยอานิสงส์ของฐานล้อที่ยาวขึ้นอีก 55 มม. (เมื่อเทียบกับแอคคอร์ดรุ่นที่ 9) ส่งผลให้มีระยะวางขาเพิ่มขึ้นอีก 48 มม. รูปทรงของเบาะหลังนั่งสบายและยังมีพื้นที่เหนือศีรษะเยอะพอควร นอกจากนี้ที่พิงหลังของเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารตอนหน้ายังมีสวิตช์สำหรับเลื่อนและปรับองศาพนักพิงเพื่อให้ผู้โดยสารตอนหลังปรับเพิ่มความสบายได้ด้วยตัวเอง แต่จุดติคือพนักพิงของเบาะหลังกลับไม่สามารถพับแยกได้แบบ 40/60 ทำให้เสียพื้นที่นั่งด้านหลังทั้งหมด เวลาที่ต้องการบรรทุกของที่มีขนาดยาว ๆ สำหรับความจุของห้องเก็บสัมภาระเมื่อไม่พับเบาะจะมีความจุ 573 ลิตร และที่ด้านใต้ไม่มียางอะไหล่มาให้แต่จะให้เป็นชุดอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราวมาแทน
ใต้ฝากระโปรงหน้าของแอคคอร์ด รุ่น e:HEVTECH เป็นระบบขับเคลื่อนที่เรียกว่าฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นการทำงานแบบผสมกันของเครื่อง ยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าและมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (อี-ซีวีที) และแบตเตอรีลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร สำหรับระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริดนี้สามารถปรับเลือกสลับโหมดการขับขี่ได้เอง 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)คำพูดจาก ทดลองเล่น
นอกจากนี้ผู้ขับยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ด้วยตนเองได้อีก 3 โหมด คือ EV Mode เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% หรือเลือกโหมดการขับขี่แบบ Sport Mode ที่จะให้การตอบสนองของอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจ หรือเลือกใช้ระบบ ECONMode ที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่อง ยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน อีกทั้งปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางด้านสมรรถนะเมื่อเทียบกับรุ่นอีแอล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบแล้ว ช่วงออกตัวและการเร่งแซงที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชมคำพูดจาก รวมสล็อตทดลองเล่น. แอคคอร์ด รุ่น e:HEV TECH ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่พอเป็นช่วงที่ใช้ความเร็วเกินกว่า 100 กม./ชม. ขึ้นไปจะไม่ค่อยแตกต่างกันนัก สำหรับในช่วงทางโค้งถ้ายกคันเร่งเพื่อจะให้เกิดเอนจิ้นเบรกจะรู้สึกว่าตัวรถเบา ๆ คือไม่มีความรู้สึกว่ารถหน่วงความเร็วลง ในช่วงแรก ๆ จึงมักจะต้องแตะเบรกช่วยอยู่บ่อย ๆ เพราะกลัวว่ารถจะเสียการทรงตัว แต่จริง ๆ แล้วในแอคคอร์ด รุ่น e:HEV TECH จะมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งกับระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย ซึ่งคล้าย ๆ กับระบบ Paddle Shift ในรุ่นอีแอล
ซึ่งหลังจากลองใช้ดูจนรู้สึกคุ้นเคยก็รู้สึกให้ความมั่นใจขึ้น เพราะแม้จะเร่งส่งขณะออกจากโค้งตัวรถก็ยังสามารถรักษาการทรงตัวได้เป็นอย่างดี ส่วนการทำงานของระบบช่วงล่างของแอคคอร์ดนั้นแม้จะมีความกระด้างเนื่องจากใช้ยางแก้มเตี้ย แต่ก็ช่วยให้ตัวรถมีการทรงตัวที่มั่นคงในช่วงใช้ความเร็วสูง ๆ ที่น่าประทับใจ ส่วนน้ำหนักของพวงมาลัยที่ปรับได้ตามความเร็วของรถก็มีน้ำหนักที่พอเหมาะและตอบสนองการควบคุมที่แม่นยำ โดยรวมแล้วถือได้ว่าแอคคอร์ดเป็นรถอีกรุ่นที่เข้าโค้งแรง ๆ ได้นิ่งมาก สำหรับอัตราการกินน้ำมัน (อี20) แบบขับเอามันทำได้ 12.1 กม./ลิตร ส่วนตอนลองขับเนียน ๆ ทำได้ 18.8 กม./ลิตร
สรุปถ้ามองในด้านของความคุ้มค่า แอคคอร์ด รุ่น e:HEV TECH แม้จะเป็นรถที่มีสมรรถนะดีให้ความประหยัดสูง และติดระบบความปลอดภัยมาให้เพียบพร้อม แต่ก็มีราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าคุณชอบรถเทคโนโลยีล้ำ ๆ และไม่มีปัญหาเรื่องเงินก็ซื้อไปเถอะ ส่วนใครที่มีงบย่อมเยาลงมาผมว่าแอคคอร์ด รุ่นอีแอล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ราคาถูกกว่า 3 แสนบาท แต่ให้ระบบความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่งมาเหมือนกันก็เป็นตัวเลือกที่ดีพอ แถมเงินอีก 3 แสนบาทที่เหลือยังสามารถเก็บไว้เติมน้ำมันได้อีกหลายปีเลย.